การสร้างทีมงานที่แข็งแกร่งก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางสำคัญในการทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ไม่ว่าคุณจะเก่งแค่ไหนก็ไม่สามารถทำทุกอย่างคนเดียวได้ ทีมงานที่แข็งแกร่งจึงต้องถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นแขน เป็นขา หรือเป็นแม้แต่หัวคิดให้กับธุรกิจของคุณ
ทำไมต้องมีการสร้างทีม ทีมงานที่ดีสำคัญยังไง ?
แน่นอนว่าบริษัทไม่สามารถทำงานทุกอย่างได้ด้วยตัวคนเดียว ทีมงานจึงเป็นการเพิ่มแรงงานบุคคลเข้ามาเพื่อให้ธุรกิจรันต่อไปได้ แต่การจะจ้างใครมาเป็นทีมงานก็ต้องพิจารณาถึงความคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปด้วย ถ้าคิดกันง่าย ๆ การจ้างคนที่เก่งที่สุดก็น่าจะดีที่สุด แต่ความจริงแล้วมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่ควรนำมาพิจารณาเพื่อคัดเลือกทีมงาน
“ทีมงานที่ดีต้องเสริมจุดเด่นและจุดด้อยกันได้”
ทีมงานที่ดีนอกจากจะต้องเก่งหรือเชี่ยวชาญในงานที่ทำแล้วยังต้องมีศักยภาพในการพัฒนาตัวเอง ต้องมีความเข้ากันได้กับสภาพแวดล้อมและทีมงานคนอื่น จุดเด่นหรือจุดด้อยของทีมงานควรส่งเสริมกันเพื่อให้ทำงานเข้าขากันได้ ถ้ามีบุคลากรที่ทำงานเป็นทีมได้ดีก็จะพาธุรกิจของคุณไปได้ไกลกว่ามีแค่คนเก่ง ดังนั้นการคัดเลือกบุคลากรจึงมีความสำคัญในการทำให้ธุรกิจของคุณก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รวม 20 วิธี สร้างทีมยังไงให้แข็งแกร่ง
การจะสร้างทีมงานที่แข็งแกร่งขึ้นมาก็ต้องมีหลักหรือแนวทางที่เหมาะสมมาใช้เพื่อให้ได้ทีมที่มีประสิทธิภาพ ทำงานเข้าขากัน แก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้ลุล่วงไปได้ เราจึงมี 20 วิธีการสร้างทีมยังไงให้แข็งแกร่งมาแนะนำกันดังนี้
การคัดเลือกพนักงานจะต้องเลือกจากความสามารถ รวมถึงต้องดูด้วยว่าพนักงานคนนั้นเหมาะกับทีมและองค์กรมากแค่ไหน เพื่อให้เขาแสดงศักยภาพออกมาได้เต็มที่และทำงานด้วยความสบายใจ
1. เลือกพนักงานที่มีความสามารถ
ยังไงการทำงานก็ต้องอาศัยความสามารถ ถ้าคุณคัดเลือกพนักงานที่มีความสามารถในการช่วยเหลือธุรกิจของคุณได้ก็จะดีที่สุด ในกรณีที่หาคนตรงตามต้องการไม่ได้ หรือไม่สามารถสู้ราคาค่าจ้างไหวก็อาจจะเลือกจากคนที่ดูมีทีท่าว่าจะพัฒนาตัวเองได้แล้วนำมาฝึกอบรมต่อก็ได้
2. เลือกพนักงานที่เหมาะกับทีม
เพราะพนักงานต้องทำงานร่วมกับทีม ดังนั้นนอกจากความสามารถแล้วก็ต้องพิจารณาด้วยว่าสามารถเข้ากันกับทีมงานคนอื่นได้ไหม ถ้าพนักงานแต่ละคนมีความแตกต่างกันมากเกินไปก็จะทำงานเข้าขากันยาก หรืออาจจะมีปัญหาทะเลาะกันเองภายในทีม การคัดเลือกความเข้ากันได้อาจจะมองจากเพศ อายุ หรือนิสัยเบื้องต้นบางอย่างก็ได้
3. เลือกพนักงานที่เหมาะกับองค์กร
เพราะองค์กรแต่ละแห่งจะมีวัฒนธรรมหรือสังคมที่แตกต่างกันไป ถ้าอยากให้พนักงานใหม่อยู่ได้นานและมีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีก็ควรเลือกให้เหมาะกับองค์กรของคุณด้วย ถ้าพนักงานรู้สึกดีกับองค์กรของคุณก็จะสร้างความจงรักภักดีกับองค์กรได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
หัวหน้าจะต้องส่งเสริมให้ทำงานกันเป็นทีม มีการจัดฝึกอบรมเพื่อให้พนักงานทุกคนรู้ว่าต้องทำงานกันอย่างไร ต้องสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน รวมถึงจะต้องเปิดโอกาสให้พนักงานได้ระดมสมองช่วยกันทำงาน
4. จัดกิจกรรมส่งเสริมการทำงานเป็นทีม
เมื่อคนร้อยพ่อพันแม่มารวมตัวกัน การจะทำให้ทุกคนรู้จักกันและร่วมกันทำงานเป็นทีมได้ก็ควรมีกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมการทำงานเป็นทีม ไม่ว่าจะเป็นการจัดงานกีฬา การแบ่งทีมทำแรลลี่ การเล่นเกมต่าง ๆ หลังเลิกงาน การจัดปาร์ตี้ หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่ทำให้พนักงานต้องช่วยเหลือกันภายใต้บรรยากาศที่ไม่มีความเครียด
5. ฝึกอบรมการทำงานเป็นทีม
แม้พนักงานหลายคนจะคุ้นเคยกับการทำงานเป็นทีมอยู่แล้ว แต่ก็อาจจะยังปรับตัวเข้ากับทีมในองค์กรใหม่ไม่ได้ หรืออาจจะมีพนักงานใหม่อีกหลายคนที่ยังไม่รู้วิธีทำงานเป็นทีมมาก่อน การจัดฝึกอบรมเพื่อเรียนรู้วิธีทำงานเป็นทีมจึงเป็นวิธีสร้างทักษะการทำงานเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
6. สร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี
การจะทำผลงานออกมาให้ดีก็จะต้องมีบรรยากาศในการทำงานที่ดี ต้องมีบรรยากาศของความเครียดให้น้อยที่สุด จากเนื้องานที่เครียดอยู่แล้วถ้าบรรยากาศในการทำงานไม่ดีก็จะยิ่งทำให้พนักงานเครียดมากขึ้นจนส่งผลต่อคุณภาพของงานได้ บางครั้งการชวนคุยเล่น การนัดไปเที่ยว หรือชวนทำกิจกรรมอื่น ๆ ก็เป็นวิธีสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดีขึ้นมาได้แล้ว
7. เปิดโอกาสให้ระดมสมอง
หนึ่งในวิธีส่งเสริมการทำงานเป็นทีมที่ดีคือการเปิดให้พนักงานได้มีการระดมสมองกันบ้าง นอกจากจะช่วยลดความเครียดได้แล้วยังช่วยฝึกการทำงานเป็นทีม ช่วยให้มีไอเดียใหม่ ๆ ออกมาได้จากความร่วมมือกัน และยังทำให้หัวหน้ามองเห็นศักยภาพในด้านต่าง ๆ ของพนักงานแต่ละคนมากขึ้นด้วย
การแบ่งงานในทีมจะต้องทำอย่างชัดเจน มีเป้าหมายที่ชัดเจน ใครที่มีประสบการณ์คุมทีมหรือเป็นผู้นำมาก่อนก็ให้เป็นผู้คุมทีมได้ การมอบหมายงานก็ต้องทำให้เหมาะสำหรับจุดเด่นของพนักงานแต่ละคน
8. แบ่งงานให้ชัดเจน
การทำให้ทีมมีคุณภาพก็ต้องมีการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน เพื่อให้พนักงานแต่ละตำแหน่งรู้ว่าตัวเองจะต้องทำอะไร งานในส่วนไหนสามารถฝากใครได้ ถ้าการแบ่งงานไม่ชัดเจนจะทำให้มีพนักงานบางคนต้องทำงานมากเกินไป ส่งผลต่อคุณภาพผลงานได้เช่นกัน
9. ให้ผู้มีประสบการณ์ได้นำทีม
เพราะการดูแลทีมเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ที่ไม่เคยได้ทำ การจะแต่งตั้งใครสักคนมาเป็นหัวหน้าทีมนั้นควรให้ความสำคัญกับประสบการณ์มาก่อน แต่ถ้าไม่มีใครที่มีประสบการณ์ดูแลทีมมาก่อนก็อาจจะพิจารณาจากประสบการณ์ในด้านอื่น ๆ อย่างเช่นการทำงาน หรือเคยเป็นผู้นำด้านใดด้านหนึ่งมาก่อนก็ได้
10. มอบหมายงานให้เหมาะกับคน
การจะมอบหมายงานกับใครก็ควรเลือกตำแหน่งหรือเนื้องานที่เหมาะสำหรับพนักงานคนนั้น เพื่อให้พวกเขาสามารถขัดเกลาจุดเด่นของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ในกรณีที่มอบหมายงานไม่เหมาะกับคน ให้งานที่ไม่ถนัดไปนอกจากจะได้ผลงานที่ไม่ดีแล้วยังอาจจะทำให้งานส่วนอื่น ๆ ภายในทีมเสียได้อีกด้วย
11. มีเป้าหมายที่ชัดเจน
เหนือสิ่งอื่นใด งานทุกอย่างจะต้องสอดคล้องกับเป้าหมายองค์กร ดังนั้นก่อนที่จะมอบหมายงานอะไรมาให้ใครก็ต้องมีเป้าหมายขององค์กรวางเอาไว้อย่างชัดเจน เมื่อพนักงานรู้ถึงเป้าหมายแล้วก็จะกำหนดทิศทางการทำงานได้ง่าย สามารถร่วมมือกันสร้างความสำเร็จให้องค์กรได้ต่อไป
การทำงานเป็นทีมจะต้องมีความโปร่งใส พนักงานต้องรู้จัดประสงค์ในการทำงาน ต้องมีการสื่อสารที่ดีเพื่อให้เกิดความเชื่อใจกันในทีม ต้องมีความเท่าเทียมในการแสดงความคิดเห็น และจะต้องมีความยืดหยุ่นในการทำงาน
12. การทำงานต้องโปร่งใส
ในด้านความโปร่งใสก็คือพนักงานทุกคนต้องสามารถตรวจสอบที่มาที่ไปของแต่ละโปรเจ็คได้ พนักงานควรมีส่วนร่วมรู้เห็นในการตัดสินใจขององค์กร รวมไปถึงเมื่อองค์กรเกิดปัญหาอะไรก็ต้องให้สิทธิ์พนักงานทุกคนได้รู้เพื่อให้มีโอกาสได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง
13. ทุกคนต้องแสดงความคิดเห็นได้
การทำงานเป็นทีมที่ดีคือทุกคนต้องมีสิทธิเท่าเทียมกัน แม้ตำแหน่งงานอาจจะมีลำดับขั้นทำให้เท่าเทียมกันไม่ได้ทุกด้านแต่อย่างน้อยทุกคนจะต้องมีสิทธิในการแสดงความคิดเห็นหรือออกไอเดียในการทำงาน และผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่าก็ต้องไม่เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่เท่านั้น
14. มีความยืดหยุ่นสูง
การทำงานเป็นทีมที่ดีควรมีความยืดหยุ่น พร้อมรับมือทุกสถานการณ์ ทั้งพนักงานและหัวหน้าควรมีการหาความรู้ใหม่ ๆ หรือเครื่องมือใหม่ ๆ มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน รวมถึงจะต้องมีความคิดที่เปิดกว้างมากเพียงพอที่จะยอมรับความเปลี่ยนแปลงได้ด้วย
15. มีการสื่อสารที่ดี
เพราะการทำงานเป็นทีมหมายถึงการทำงานร่วมกันหลายคน ดังนั้นการสื่อสารที่ดีจึงเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้เรื่องอื่น การสั่งงานจะต้องชัดเจนและเปิดโอกาสให้พนักงานได้ปรึกษาหารือกันในเรื่องงาน โดยอาจจะจัดให้พนักงานในโปรเจ็คเดียวกันได้นั่งด้วยกันเพื่อความสะดวกในการพูดคุยก็ได้
16. สร้างความเชื่อใจในทีม
การที่ทีมจะร่วมมือกันทำงานอะไรให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีก็จะต้องมีความเชื่อใจกัน ทุกขั้นตอนการทำงานต้องมีความชัดเจน โปร่งใส เพื่อไม่ให้มีข้อกังขากันเอง ทั้งหัวหน้าและลูกน้องควรมีการสื่อสารกันอยู่เรื่อย ๆ เพื่อให้เกิดความเชื่อใจกันมากขึ้น
หัวหน้าสามารถช่วยเหลือทีมงานได้ด้วยการเสนอแนะในเรื่องที่เป็นประโยชน์ ต้องมอบหมายงานอย่างเหมาะสม ไม่ให้งานใครมากเกินไป การทำงานต้องมีอิสระ และควรมีรางวัลตอบแทนให้เมื่อพนักงานทำผลงานได้ดี
17. เสนอแนะกันได้ในเรื่องงาน
ทุกคนในทีมต้องเสนอแนะกันได้ในเรื่องงาน ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยปรึกษาระหว่างทำงาน การประชุมก่อนเริ่มโปรเจ็ค การประชุมปิดงาน อาจจัดการประชุมอื่น ๆ หรือพบปะพูดคุยนอกเวลางานเพื่อให้ข้อเสนอแนะกันได้ การทำงานของทีมก็จะถูกพัฒนาขึ้นมาได้เรื่อย ๆ เพราะทุกคนมองเห็นจุดเด่นและจุดด้อยของตัวเอง
18. ไม่ให้งานใครมากเกินไป
แม้จะเป็นพนักงานที่เก่งแค่ไหน แต่การได้รับงานมากเกินไปก็จะเป็นผลเสียในระยะยาว ดังนั้นควรมีการบริหารจัดการและแบ่งงานกันอย่างยุติธรรม ซึ่งเป็นหน้าที่ของหัวหน้าทีมที่ต้องจัดลำดับและหมั่นตรวจสอบว่าพนักงานแต่ละคนสามารถรับงานไหวแค่ไหนบ้าง
19. มีรางวัลตอบแทนความดี
เมื่อทำงานสำเร็จหรือได้งานที่มีประสิทธิภาพ การให้รางวัลตอบแทนความดีก็จะช่วยให้พนักงานมีกำลังใจและแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้น รางวัลตอบแทนอาจจะเป็นโบนัสพิเศษ การท่องเที่ยว การเลี้ยงสังสรรค์ ประกาศนียบัตร หรือสิ่งตอบแทนอื่นก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าองค์การนั้นมีทรัพยากรและแนวทางแบบไหน
20. มีอิสระในการทำงาน
ภายในทีมต้องมีบรรยากาศที่ให้อิสระในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นวิธีการทำงาน การเสนอไอเดีย หรือจะเป็นการวางตัวต่าง ๆ เพื่อให้พนักงานแสดงศักยภาพออกมาได้เต็มที่ ระเบียบในการทำงานต่าง ๆ ควรจะเป็นแนวทางแบบกว้าง ๆ ไม่ตีกรอบความคิดพนักงานมากจนเกินไป
ข้อแนะนำสำหรับการสร้างทีมที่มีศักยภาพ
การทำงานเป็นทีมนั้นตัวคุณเองจะต้องเข้าใจบทบาทของการเป็นผู้สร้างหรือหัวหน้าทีมก่อนว่ามีขอบเขตหน้าที่อะไรบ้าง มีทักษะ มีจุดเด่น จุดด้อยอะไร เพื่อจะใช้ในการคัดเลือกพนักงานเข้ามาเติมในส่วนที่คุณขาด และการเป็นหัวหน้าจะต้องรู้จักเชื่อใจลูกน้อง ต้องไม่ทำงานแทนลูกน้องมากจนเกินไป ให้พัฒนาความสามารถของลูกน้องจนพวกเขาสามารถจัดการปัญหาด้วยตัวเองได้
“ผู้นำที่ดีจะต้องเชื่อใจลูกน้องให้เหมือนเชื่อในความสามารถของตัวเอง”
ในการทำงานก็ให้มองถึงภาพรวมของทีมมากกว่าจะพึ่งพนักงานคนไหนมากเกินไป การกำหนดเป้าหมายก็ต้องทำแบบทีม ต้องมอบหมายงานที่ชัดเจน ตรงประเด็น และสร้างบรรยากาศในการทำงานให้สามารถพูดคุยปรึกษาเพื่อพัฒนาศักยภาพของทีมได้ตลอดเวลา
ผู้นำที่ดีจะต้องมีความเชื่อใจ ไว้ใจในความสามารถของลูกน้องให้เหมือนเชื่อความสามารถตัวเอง ต้องไม่ทำงานแทนลูกน้องมากเกินไป แต่ให้ใช้วิธีพัฒนาความสามารถของลูกน้องแทน และจะต้องมองภาพรวมของทีมมาก่อนพนักงานคนใดคนหนึ่ง
เมื่อเป็นระบบทีม หัวหน้าทีมจะต้องพร้อมช่วยเหลือลูกน้องในด้านต่าง ๆ เพื่อให้พวกเขาทำงานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ในทางกลับกันก็ต้องยอมรับความช่วยเหลือจากลูกน้องด้วยในเวลาที่ตัวเองต้องแก้ปัญหา สร้างความเคารพและเชื่อในกันภายในทีมเพื่อให้การร่วมมือกันทำงานเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด
สรุป : รวม 20 วิธี สร้างทีมยังไงให้แข็งแกร่ง
จากแนวทางรวม 20 วิธี สร้างทีมยังไงให้แข็งแกร่งที่ได้แนะนำไปนั้น โดยรวมแล้วจะมีเรื่องของการคัดเลือกพนักงานให้เหมาะสม การส่งเสริมทีมงาน งานแบ่งงาน การทำงานเป็นทีม และการช่วยเหลือทีมงาน ถ้าสามารถทำทุกอย่างได้ตรงตามแผนที่วางเอาไว้ก็จะได้ทีมงานที่แข็งแกร่ง พร้อมฟันฝ่าทุกปัญหา และเป็นผู้ช่วยในการก้าวไปยังความสำเร็จพร้อมกับคุณ
“ทีมงานที่แข็งแกร่งจะพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว”
แต่ในความเป็นจริงแล้วทีมงานที่แข็งแกร่งก็ไม่ได้สร้างเสร็จภายในไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ พนักงานทุกคนจะต้องฝ่าฟันเรื่องราวต่าง ๆ มามากจนเกิดความเชื่อใจกัน ทำงานเป็นหนึ่งเดียวกัน และในการสร้างทีมจริง ๆ ก็ยังมีปัจจัยหลายอย่างที่ควบคุมได้ยาก ความยืดหยุ่นและพร้อมรับมือกับทุกปัญหาจึงสำคัญที่สุดสำหรับผู้สร้างทีมอย่างคุณ